เกร็ดความรู้

ทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า?

ในวันนี้เราก็จะมาตอบคำถามที่ทุกคนสงสัย และเคยถามกันเข้ามา นั้นคือ คำถามที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงพระเป็นเจ้า หรือ เทพที่ตนสักการะบูชาอยู่
ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ พระกฤษณะทรงเคยตรัสตอบไว้ด้วยพระองค์เอง ณ ทุ่งกุรุเกษตร ในยุคที่แล้ว (ทวาปรยุค) หรือ เมื่อห้าพันกว่าปีก่อน ซึ่งพระฤๅษีวยาสผู้เป็นรูปอวตารหนึ่งของพระภควานเอง ได้รวบรวมเป็นคัมภีร์ ศรีมัทภควัทคีตา หรือ คีโตปนิษัท เผยแพร่ต่อชนทั้งหลายในเวลาต่อมา ถึงหนทางในการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า อันประกอบด้วยหลักปุรุษารถะ และโยคะในรูปแบบต่างๆ ในการเข้าถึงพระเป็นเจ้า อันเป็นจุดสูงสุดของชีวิต ตามหลักปุรุษารถะนั้น

ในการณ์นี้ ผมจึงขอยกข้อความพระดำรัส ของพระอุตตมะ บุรุษ ในการตอบข้อสงสัยนี้ ซึ่งผมจะยกมาเพียง โศลกเดียวในการตอบคำถามนี้ ซึ่งผมเห็นว่ามีใจความสำคัญ และเป็นประโยชน์ยิ่งแก่ผู้ศรัทธา และผู้ปรนนิบัติบูชาชาวไทย อันพระดำรัสแห่งพระศรีบดีนี้ ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ศรีมัทภควัทคีตา อัธยายที่ 18 (โมกษสันยาสโยค หลักว่าด้วยการสละซึ่งเป็นหนทางแห่งโมกษะ) โศลกที่66 ดังนี้

सर्वधर्मान् परित्यज्य मामेकं शरणं व्रज।
अहं त्वां सर्वपापेभ्यो मोक्षयिष्यामि मा शुचः॥

สรฺวธรฺมานฺ ปริตฺยชฺย มาเมกํ ศรณํ วฺรช।
อหํ ตฺวำ สรฺวปาเปภฺโย โมกฺษยิษฺยามิ มา ศุจะ॥

คำอ่านไทย
สัรวะ ธรรมาน ปะริตยัชยะ มาเมกัม ศะระณัม วระชะ
อะหัม ตฺวาม สัรวะปาเปภโย โมกษะยิษยามิ มา ศุจะห์

อันมีใจความว่า เธอจงสละธรรม(กฏเกณฑ์,ข้อยึดถือปฏิบัติ)ทั้งหลาย ถึงเราเพียงผู้เดียวเป็นที่พึ่ง
เราจักปลดเปลื้องเธอจากบาปทั้งปวง อย่าได้วิตกไปเลย.

อธิบายว่า ในที่นี้พระปุรุโษตตมะ ทรงตรัสต่อองค์กปิธวช ณ กุรุเกษตร ว่า ขอให้ละซึ่งกฏเกณฑ์ และหลักปฏิบัติต่างๆ ทางศาสนา และสังคม(ที่ผูกมัดตนอยู่) แล้วมายึดพระองค์เป็นสรณะด้วยใจศรัทธา ภักดี เมื่อยึดพระองค์เป็นที่พึ่งด้วยใจ โดยไม่มีข้อกังขาใดๆต่อพระองค์แล้ว พระองค์จักทรงปกป้องจากอกุศลทั้งปวง

ซึ่งนั้นแปลว่า ขอเพียงแค่มีใจศรัทธา และภักดีต่อพระองค์ โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ เขาผู้นั้นก็จะอยู่ในสายพระเนตร แลพระหฤทัยของพระองค์ พระองค์จักคอยปกป้องเขาผู้นั้นจากอกุศล และปัญหาทั้งปวง ดังที่ปรากฏในบาทที่สองของโศลกว่า

อะหัม ตฺวาม สัรวะปาเปภโย โมกษะยิษยามิ มา ศุจะห์

อันมีใจความว่า เราจักปลดเปลื้องเธอจากบาปทั้งปวง อย่าได้วิตกไปเลย

ดังนั้น เราจึงต้องศรัทธา เชื่อมั่นต่อพระองค์ก่อนเป็นลำดับแรก การทำบูชา และการสวดสาธยายมนตระต่างๆ ตามจารีตประเพณีอันมีปรากฏในพระคัมภีร์ ถือเป็นสิ่งที่รองลงมา ยังมิใช่แก่นแท้ในการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า แก่นแท้นั้นอยู่ที่ใจ เพีงแค่มีใจศรัทธา ภักดี เชื่อมั่นต่อพระองค์ เราก็จักไปอยู่ในห้วงหฤทัย แลสายพระเนตรของพระองค์ ยังให้พระองค์ทราบถึงสาธนา (การปรนนิบัติบูชา) ของเราได้อย่างแน่นอน มิใช่เพียงการปรนนิบัติบูชาเพื่อหวังผลทางวัตถุเพียงอย่างเดียว โดยมีข้อกังขา ไม่เชื่อมั่นต่อพระองค์ ด้วยคำถามว่า พระองค์จะทรงทราบถึงการบูชาของเราไหม? พระองค์จะทรงประทานพรแก่เราไหม? ซึ่งผู้ศรัทธาชาวไทยส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนี้กัน เช่น ฉันอยากถูกหวย ฉันบูชาพระลักษมีเพื่อถูกหวย แต่เมื่อไม่ถูก ฉันก็เลิกบูชา เก็บพระลักษมีเข้าตู้ แล้วฉันก็ไปเชิญพระกุเวร เชิญครุฑ เชิญนาคมาบูชาเพื่อหวังหวย ตามกระแสที่เข้ามา ซึ่งแน่นอนว่า การบูชาโดยไร้ความเชื่อมั่นแบบนี้ ย่อมไม่เกิดผลอันใดต่อการบูชานั้น ดังนั้นจะเข้าถึง จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับใจเรา เราต้องมีความศรัทธา ความเชื่อมั่น ความรัก ความภักดี การอุทิศตนเสียสละก่อนเป็นลำดับแรก

ตัวอย่างที่ผมอยากจะยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างคือ พระนางเทราปที ที่นางนั้นถูกฉุดกระชากผ้าส่าหรีกลางสภาของกุรุวงศ์ ณ ที่แห่งนั้น นางไร้ซึ่งที่พึ่ง มิมีใครยื่นมือมาช่วยนางจากความอัปยศอดสู นางจึงระลึกถึง และร้องเรียกถึงพระศรีกฤษณะ แต่ก็ยังมีข้อกังขาต่อพระองค์ ว่า พระองค์จักเสด็จมาช่วยเหลือนางหรือไม่ จึงใช้มือปกปิดตัวเองไว้ แต่เมื่อยามคับขัน ไร้ที่พึ่งใดแล้ว พระนางก็ปล่อยวางทุกอย่าง ให้ขึ้นต่อพระองค์ พนมกรวันทาถึงพระองค์ด้วยความศรัทธาจากใจ พระกฤษณะจึงปกป้องพระนางจากความอัปยศ ด้วยทรงบันดาลให้ผ้าส่าหรีของนางนั้นยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนทุห์ศาสนสิ้นแรงไป
เช่นนี้เราจึงต้องมีความเชื่อมั่นต่อพระภาควาน จะเข้าถึง จะบรรลุหรือไม่ตอนนี้อยู่ที่ใจของคุณ.

ศุภมัสตุ 🙏

กิตติกร อินทรักษา