เทวะตำนาน

สัปตะมาตริกา

“สัปตะมาตริกา” พระแม่ทั้ง 7 พระองค์
 
พระแม่ทั้ง 7 พระองค์ เรียกว่า ” สัปตะมาตริกา ” ปรากฎอยู่ในนิกายศักติ ถือว่าเป็นบูรพเทวีที่ได้รับการเคารพบูชามาแต่โบราณ ผู้คนส่วนมากจะบูชาขอพรเพื่อการปกป้องและฝากลูกหลานไว้ให้พระองค์คอยดูแล พระแม่ทั้ง 7 องค์ถือเป็นพละกำลังฝ่ายสตรีที่ถือกำเนิดจากพระชายาแห่งเทพบุรุษโดยบรรดาพระชายาเหล่านั้นได้รับพลังจากพระแม่ศักติหรือพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีอีกที ได้แก่
 
 
พระจามุนดี หรือ จามุนเดศวรี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระศักติ พระพักตร์ดุร้าย มี 3 พระเนตร 8 พระกร ถือตรีศูล กระบอง ลูกศร จักร คันศร สังข์ ปาศะ (บ่วงบาศก์) และ โล่ห์ เป็นศาสตราวุธทรงกระบือเป็นพาหนะ พระบาทซ้ายวางบนศีรษะของมารผู้ศิโรราบและสวดมนต์ถึงพระนาง
 
 
 
พระมเหศวรี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระศิวะมหาเทพ และพระอุมา มี 3 พระเนตร ผิวพระวรกายขาวบริสุทธิ์ 4 พระกร ถือกลองดามารู (บัณเฑาะว์) ลกประคำภาวนา ตรีศูลด้ามยาว และธงเล็กด้ามยาว สัญลักษณ์เป็นรูปโค แต่พระศาสตรา 2 อย่างหลังทรบเหน็บไว้ในอ้อมพระกรหากทรงอยู่ในอิริยาบทนั้นจะทรงแบพระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นเรียกว่า “อัภยัม มุทรา” และแบพระหัตถ์ซ้ายลงเรียกว่า “วระตะการัม มุทรา” ทรงโคอุสุภราชเป็นพาหนะ
 
 
 
พระไวษณวี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระวิษณุและพระลักษมี มี 2 พระเนตรดุจดั่งดอกบัว ผิวพระวรกายดั่งท้องฟ้า หรือเป็นสีฟ้าหม่น 4 พระกร ถือ จักร สังข์ และกระทำมุทราเหมือนกับพระมเหศวรี ทรงพญาครุฑเป็นพาหนะ
 
 
 
พระพรหมมี หรือ พราหมณี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระพรหม และพระสรัสวตี มี 3 พระเนตรกลมโต ผิวพระวรกายเป็นสีนวลเจือทอง 4 พระกร ถือหม้อน้ำกมัณฑลุของพราหมณ์บรรจุน้ำพระคงคา ธงเล็กด้ามยาวสัญลักษณ์รูปหงส์ และกระทำมุทราทั้ง 2 เช่นเดียวกับพระมเหศวรี ทรงพญาหงส์เป็นพาหนะ
 
 
 
พระเกามารี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระขันทกุมารและพระชายาทั้งสอง คือ เทวเสนา (เทวญาณี, เกามารี) และวัลลี – มี 2 พระเนตร ผิวพระวรกายดั่งทาด้วยกุงกุมัม (ผมเจิมหน้าสีแดง) หรือเป็นสีชาด 4 พระกร ถืออังกุศัม (หอกสั้นของอินเดีย มียอดเป็นหอกแหลม ขนาบข้างด้วยเหล็กสับช้าง และเหล็กโค้ง) ธงเล็กด้ามยาวสัญลักษณ์รูปนกยูง และกระทำมุทราทั้งสองอย่างเหมือนพระมเหศวรี ทรงพญานกยูงเป็นพาหนะ
 
 
 
 
พระอินทิราณี, อินทราณี หรือ ไอณทรี
พระองค์ถือกำเนิดจากพลังของพระอินทร์ และ พระนางศจีอินทราณี มี 2 พระเนตร พระวรกายประดับด้วยเครื่องประดับและเครื่องทรง ( เช่น สร้อย แหวน กำไล ผ้าห่ม สไบ ฯลฯ) อันหรูหรางดงามทั้ง 4 พระกร ถือวัชระอุทุม (แล่งสายฟ้า หรือ วชิราวุธ) ธงเล็กด้ามยาวสัญลักษณ์รูปหม้อกุมภะ และ กระทำมุทราเหมือนกับพระมเหศวรี ทรงพญาช้างเป็นพาหนะ
 
 
พระวราหิ
เกิดจากพลังของพระยมราช และ พระนางยมี หรือ ยมุนา มีพระพักตร์เป็นหมูป่า ผิวพระวรกายเป็นสีมืดมัว ประดับพระวรกายด้วยเครื่องประดับ และเครื่องทรงสีนิลและสีดำ 4 พระกร ถือไม้โกร่งดำข้าว คันไถ และกระทำมุทราเหมือนพระมเหศวรี ทรงพระที่นั่งยมะบัลลังค์เป็นพาหนะ อนึ่ง ในมุทรานั้นมีความหมายแสดงถึงพระกรุณาของพระองค์ คือ “อัภยัม มุทรา” หมายถึง เราจะปกป้องเธอ จงอย่ากลัวสิ่งใด ส่วน “วระตะการัม มุทรา” หมายถึง เราให้พรตามที่เธอขอมา
 
พระแม่ทั้ง 7 ได้รับการบูชาเป็นอันมากในนิกายศักติ มีตำนานกล่าวว่าคราวหนึ่งบรรดาอสูรมีอำนาจมากเพราะได้รับพระจากพระเป็นเจ้า เช่น มหิษาสูร ศุมภะ นิศุมภะ จันทร มุนดา ทุมรักษะ รัคตะบีชะ เป็นต้น ได้รวบรวมบรรดาอสูร มาร และรากษส บุกรุกสวรรค์ และขับไล่เทพยดาทั้งหมดออกไป เทพทั้งหมดมี พระวิษณุ พระพรหม พระอินทร์เป็นแกนนำ พากันไปเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาศ พระอุมาตอบรับคำขอเทพยดาจึงทรงบันดาลพระรูปเป็นพระอาทิปาราศักติ 18 พระกร หรือ พระทุรคา โดยอาศัยกระแสพิโรธจากเทพเจ้าทุกองค์ แล้วทรงรับเทพศาสตราวุธจากบรรดาเทพ หลังจากนั้นทรงตรัสว่า ” เทพทั้งหลาย ขอพวกท่านจงสร้างพลังของท่านเพื่อเป็นเทพสตรีในการปราบมารทั้งหลายให้สิ้นไปด้วยเถิด” เทพทั้งหลายก็บันดาลพลังเป็นขุนพลเทพธิดาจำนวนมากมาย โดยมีสัปตะมาตริกาทั้ง 7 พระองค์ เป็นแกนนำทัพ รวมพลไปรบกับเหล่ามารจนประสบชัยชนะในที่สุด นอกจากนี้พระกาลิกา (พระภัทรกาลี) และ พระมหากาลียังประสูติในระหว่างการรบครั้งนี้ด้วยโดยถือกำเนิดจากพระเนตรที่ 3 ของพระศักติ ทั้งนี้ในการบูชาทั้ง 7 พระองค์นั้นจะบูชาร่วมกับพระทุรคามหิษาสุรมรรทินี พระแม่กาลี รวมกันเรียกว่า “นวศักติ” นอกจากนี้ยังบูชาร่วมกับพระคเณศ และ พระขันทกุมารอีกด้วย
 
 
ที่มา : คุณ ศิวะกามสุนทรี จากบอร์ดอารตีเก่า ขอบพระคุณที่มาด้วยครับ